"เสี่ยเรียม" บุญธรรม เรืองยะวี เผยเหตุจำเป็นต้องนำ โยธิน เอฟ.เอ.กรุ๊ป ย้ายมาซบกลุ่มพลังใหม่ก็เพื่อความอยู่รอดเนื่องจากว่าเด็กนานๆ มีรายการชกสักครั้ง ยิ่งต้องกินต้องใช้ต้องดูแลครอบครัว ด้าน "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ต้นสังกัดไม่ว่าอะไรพร้อมอธิบายว่าโยธินหาคู่ยากมาก ซึ่งในเมื่อต้องการย้ายศึกก็ยินดี แต่ควรที่จะมาบอกกล่าวกันบ้างตามมารยาทวงการมวย

     กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในเวลานี้สำหรับกรณีของ โยธิน เอฟ.เอ.กรุ๊ป ดีกรีแชมป์เงินแสนจากศึกเพชรยินดี ที่ได้อพยพย้ายศึกมาอยู่ภายใต้ร่มเงาของกลุ่มพลังใหม่ ซึ่งเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางด้าน "เสี่ยเรียม" บุญธรรม เรืองยะวี หัวหน้าคณะได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการย้ายศึกในครั้งนี้ด้วยข้อความว่า "ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลยครับผมอยู่กับเพชรยินดีมา 30 ปี แต่คราวนี้มันจำเป็นจริงๆ ผมจนไม่เป็นไรแต่เด็กเขาลำบากจริงๆ ตอนนี้โยธินก็อายุปาเข้าไป 30 ปีแล้วจะชกได้อีกกี่ปี"

     "ผมบอกทางกลุ่มพลังใหม่ไปว่ายังไงก็แล้วแต่ ค่าตัวเท่าไหร่ไม่ว่าแต่ขอให้มีรายการชกอย่างต่อเนื่อง 123.5-126 ปอนด์พร้อมสู้ทุกคนครับ"

     ต่อมาทางด้านผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ในฐานะต้นสังกัดถึงกรณีดังกล่าว ซึ่งทางด้านทายาทเสี่ยเน้าได้กล่าวเปิดใจว่า "เพิ่งทราบข่าวเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี่เองสำหรับโยธินว่ากันตามความเป็นจริงผมกำลังหารายการให้เขาอยู่โดยเตรียมให้เจอกับ ป้อมเพชร ศิษย์หนุ่มน้อย จากนั้นก็ได้โทร.แจ้งให้ทีมงานเขาทราบว่าให้เตรียมตัวเพราะมีรายการแล้วนะ แต่สุดท้ายก็มาทราบความจริงว่าทางหัวหน้าค่ายได้นำโยธินย้ายศึก ซึ่งตรงนี้ไม่ว่ากันครับเราใจกว้างพอ อยู่ได้ก็อยู่อยู่ไม่ได้ก็ไม่บังคับกัน แต่กรณีของโยธินน่าจะมาพูดคุยบอกกล่าวกันบ้างตามมารยาทวงการมวยไปลามาไหว้ โดยที่ผ่านมานักมวยของเสี่ยเรียมเราก็สร้างเป็นมวยเงินแสนอย่างมากมาย อย่าง เพชรบุญชู เอฟ.เอ.กรุ๊ป ไม่ใช้เพชรยินดีรึที่สร้างจนเป็นแชมเปี้ยน 13 เส้น และเป็นนักมวยเงินแสน สำหรับโยธินต้องยอมรับว่าเป็นนักมวยที่หาคู่ยากมากจะให้ปุ๊ปปั๊บมีรายการต่อยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องพิจารณาคู่ชกให้ดูเหมาะมิใช่ขึ้นไปราคาห่างให้เซียนมวยตำหนิต่อว่ามันคงไม่ใช่ ที่ผ่านมานักมวยค่ายเอฟ.เอ.กรุ๊ป ที่อยู่ในความดูแลของเราทั้งหมด 3 คน คือโยธิน, สองฝั่งโขง, หนองคายเล็ก ในเมื่อเป็นความต้องการของหัวหน้าค่ายที่อยากย้ายศึกเราก็เป็นสิทธิ์ของเขาไม่บังคับกัน แต่ที่ผ่านมาผมก็ดูแลนักมวยทุกคนทุกค่ายอย่างดีนะ ในช่วงโควิด-19 เราก็มีการมอบเงินเยียวยาให้ค่ายละ 1 หมื่นบาทเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งก็คิดเอาเองละกันว่าดูแลหรือว่าทอดทิ้ง"