นาบิล อานาน นักชกลูกครึ่ง ไทย-แอลจีเรีย ที่เพิ่งชนะ ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 มาแบบสวยงามในไฟต์ล่าสุด ในศึก ONE 172: ทาเครุ vs รถถัง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยได้กล่าวถึงปัญหาก่อนการชกในเรื่องของน้ำหนัก และเป้าหมายในชีวิตการชกมวย

     รู้สึกเสียใจที่ครั้งนี้ไม่สามารถเอาเข็มขัดกลับมาบ้านไปให้ครอบครัวผมได้ ถึงแม้ว่าผมจะชนะไฟต์นี้และทำให้ครอบครัวรวมถึงทีมของผมภูมิใจในตัวผมซึ่งนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด! ผมยังคงไล่ล่าเข็มขัดเส้นนี้ต่อไป เพราะตอนนี้มันกลายเป็นเป้าหมายที่สองของผมแล้ว

เขาให้ผมเลือกอยู่ 2 ทาง

ทางเลือกแรก: ปฏิเสธการขึ้นชก เพราะคู่ต่อสู้ไม่พร้อมชกในกติกา 5 ยก เพราะน้ำหนักตัวเขาเกิน แล้วก็ต้องลดน้ำหนักถึง 3 ครั้ง ผมเข้าใจว่าการลดนำ้หนักมันเหนื่อยมาก แล้วพี่เขาก็เหนื่อยกับการลดน้ำหนักมากเช่นกัน

ทางเลือกที่สอง: ยอมชกในกติกา 3 ยก แต่ไม่มีการชิงเข็มขัด ซึ่งสำหรับผมถือว่าเสียเปรียบ เพราะผมน้ำหนักน้อยกว่า และไม่ต้องชก 5 ยก จึงกลายเป็นข้อได้เปรียบของเขา แต่ผมก็ยังยอมขึ้นชก เพราะผมไม่อยากปล่อยโอกาสในการแก้มือครั้งนี้เสียไป

การชกครั้งนี้อยู่ในรุ่น แบนตัมเวต 145 ปอนด์

ผมน้ำหนัก 144.75 ปอนด์

เขาน้ำหนัก 146.2 ปอนด์

ผมได้รับค่าชดเชยน้ำหนัก 30% ของค่าตัวเขาตามกติกา และผมเลือกขึ้นชกตามทางเลือกที่สอง คือไม่ชิงเข็มขัดและชกแค่ 3 ยก เพราะผมอยากชกมากๆ ตอนนี้ผมอยากพูดถึงข้อเสียเปรียบที่ผมมีในช่วงฝึกซ้อมไฟต์นี้

1.จริง ๆ แล้วผมไม่ควรจะขึ้นชก เพราะผมฝึกซ้อมมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2024 และตั้งใจจะพักบ้าง ผมฝึกหนักมาตลอด และเจอกับคู่ต่อสู้ที่โหดมาก ๆ มาแล้วหลายไฟต์

2.มือขวาของผมยังไม่หายดีจากไฟต์ที่เจอกับ Nico Carrillo หายแค่ประมาณ 70%-80% และตลอดแคมป์ฝึกซ้อม ผมใช้มือขวาเต็มที่ไม่ได้เลย

3.แคมป์ฝึกซ้อมครั้งนี้อยู่ในช่วงรอมฎอน ผมต้องเสียเวลาประมาณ 1 สัปดาห์เพื่อปรับตัวให้เข้ากับตารางเวลาการฝึก

สุดท้าย

ผมไม่อยู่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับไฟต์นี้ แต่ผมไม่เคยบ่น และทำทุกอย่างถูกต้อง ผมชั่งน้ำหนักผ่าน ไม่มีอะไรผิดพลาด แต่ก็ยังไม่ได้ของขวัญชิ้นสวยงามกลับไปให้ครอบครัวที่บ้าน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกน้อยใจ

และที่สำคัญ ค่าตัวของผมน้อยกว่าคู่ต่อสู้ถึง 3-4 เท่า แต่ผมยังลงทุนจ้างนักโภชนาการเพื่อให้ฟอร์มผมเป๊ะมากที่สุด แต่นี่ก็เป็นการลงทุนครับ