อ.วิสุทธิ์ ยิ่งอุปการ กรรมการที่เป็นคนตัดสินใจไล่ อภิวัฒน์ ส.สมนึก ลงจากเวทีในการชกกับ สุริยันต์ พ.เย็นยิ่ง เตรียมให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับคณะกรรมการชุดใหม่ที่ไม่ใช่ชุดของ ปรเมษฐ์ ภักดีคีรีไพรวัลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานกีฬามวย ซึ่งอ.วิสุทธิ์ได้มีการยื่นอุทธรณ์โทษแบน 3 เดือน โดยเห็นว่าการตัดสินดังกล่าวรวดเร็วเกินไปในกระบวนการเพราะ ผอ.มวยเป็นทั้งคนร้องทุกข์, เจ้าทุกข์และคนตัดสินลงโทษเอง จึงดูว่าไม่ยุติธรรมเท่าที่ควร ทำให้ต้องร้องทุกข์และจะมีการไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมที่การกีฬาแห่งประเทศไทยกับคณะกรรมการชุดใหม่ โดยยืนยันตัดสินมวยตาม พ.ร.บ.มวย เห็นแบบไหนตัดสินแบบนั้นไม่มีใครมากดดันให้ไล่หรือไม่ไล่แน่นอน
หลังจากที่ อ.วิสุทธิ์ ยิ่งอุปการ กรรมการมวยชื่อดังได้ทำหน้าที่ขึ้นห้ามมวยคู่ของ สุริยันต์เล็ก พ.เย็นยิ่ง กับ อภิวัฒน์ ส.สมนึก ในศึกสืบสานตำนานวีรบุรุษมวยไทย ที่เวทีมวยเวิร์ลสยาม สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยได้ไล่อภิวัฒน์ ลงจากเวทีในยกที่ 4 ด้วยข้อหาชกไม่สมศักดิ์ศรีก่อนที่สำนักงานกีฬามวยโดย นายปรเมษฐ์ ภักดีคีรีไพรวัลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานกีฬามวย ได้มีการพิจารณาเชิญ อ.วิสุทธิ์ ยิ่งอุปการ, อ.ยงศักดิ์ ณ สงขลา หัวหน้าชุดกรรมการและ อภิวัฒน์ ส.สมนึก มาให้ปากคำต่อคณะกรรมการ ก่อนจะมีการตัดสินลงโทษแบนอ.วิสุทธิ์ 3 เดือน พร้อมยกโทษให้อภิวัฒน์พ้นมลทิน
ในเรื่องนี้ล่าสุด อ.วิสุทธิ์ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเห็นว่าเรื่องนี้กระบวนการในการตัดสินดูไม่เป็นธรรมจึงได้มีการยื่นเรื่องต่อการกีฬาแห่งประเทศไทยใหม่เพื่อขออุทธรณ์โทษ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการชุดใหม่โดยไม่ใช่ชุดของ ผอ.ประเมษฐ์ ซึ่งได้นัดให้ตนไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมในวันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ที่ตนอุทธรณ์โทษไปนั้นเพราะเห็นว่าลงโทษตนเร็วเกินไปในกระบวนการตัดสินสอบสวนวันที่ 9 พฤศจิกายน และลงโทษทันทีวันรุ่งขึ้น โดยผอ.ปรเมษฐ์เป็นทั้งคนร้องทุกข์ เจ้าทุกข์และเป็นคนลงโทษเอง ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยจะถูกต้องนัก
"ผมมองว่าเป็นการกระทำที่พลการเกินไปในการใช้อำนาจ ผมยืนยันว่าการตัดสินใจของผมอยู่บนพื้นฐานของ พ.ร.บ.มวย 2542 แน่นอน เห็นแบบไหนตัดสินไปแบบนั้น ไม่มีใครมากดดันผมจะให้ไล่หรือไม่ไล่ก็ตาม ดังนั้นจึงขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน"