อ.ยงศักดิ์ ณ สงขลา หัวหน้ากรรมการและประธานเทคนิคของเวทีมวยนานาชาติรังสิตเผยยอมรับการตัดสินคู่ระหว่าง ภูมิใจไทยปกรณ์พรสุรินทร์ ที่แพ้ให้กับ แอ๊ดเทวดา ต.สุรัตน์นั้นเป็นการตัดสินที่มีปัญหาจริง แต่ตนเองนั้นให้อิสระการทำงานของลูกทีมซึ่งต้องมีผิดพลาดบ้างก็ต้องมาคุยกัน ด้าน "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์คนดัง ก็น้อมรับฟังแฟนมวยพร้อมขอโทษและจะเอาไปปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อๆ ไปไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแบบนี้อีก
ควันหลงศึกเพชรยินดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มี.ค.64 ที่ผ่านมา มีประเด็นร้อนเกิดขึ้นสืบเนื่องจากผลการแข่งขันในคู่ระหว่าง ภูมิใจไทย ปกรณ์พรสุรินทร์ กับ แอ๊ดเทวดา ต.สุรัตน์ ซึ่งผลปรากฏว่าภูมิใจไทยเป็นฝ่ายแพ้คะแนน ทั้งที่ราคาเซียนเป็นต่อถึง 10-1 แต่กรรมการชูสวนให้แอ๊ดเทวดาชนะไปแบบค้านสายตาแฟนมวยในเวที ซึ่งหลังจากนั้นบรรดาแฟนมวยในโลกโซเซียลก็ต่างคอมเมนต์ต่อว่าเรื่องการตัดสินของกรรมการ และส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับผลการตัดสินในครั้งนี้ จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเป็นวงกว้าง
ทำให้ล่าสุด อ.ยงศักดิ์ ณ สงขลา หัวหน้ากรรมการและประธานเทคนิคเทคนิคของเวทีมวยนานาชาติรังสิต ก็ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า มวยคู่นี้ดูแล้วเป็นตนเองก็จะไม่ตัดสินให้ภูมิใจไทยแพ้ แต่การตัดสินอาจจะมีการพลาดกันบ้างก็ต้องกลับมาแก้ไขกัน
"คู่นี้ส่วนตัวผมดูภูมิใจไทยไม่แพ้ มีเสมอกับชนะเท่านั้นครับ แต่ผมให้อิสระการทำงานกับกรรมการลูกทีม ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาการทำหน้าที่ผิดพลาดหรือหลุดบ้างก็ต้องมาคุยกัน แต่กระแสสังคมที่ออกมาโจมตีกรรมการทางผมก็น้อมรับคำติเตียนทุกอย่าง เพราะมันไม่ถูกต้องจริงๆ แต่ยืนยันว่ากรรมการทุกคนในที่นี้ทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างไรก็ตามผมก็ไม่สบายใจครับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมขอโทษ และจะเอาไปปรับปรุงแก้ไขในครั้งต่อไปครับ"
ส่วนทางด้านของ เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์เจ้าของศึกก็ได้เผยความรู้สึกกับสื่อถึงกรณีดังกล่าวว่า ขอโทษแฟนมวยทุกคนที่ศึกเพชรยินดีเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาอาจจะจัดได้แบบไม่เต็มร้อย พร้อมขอโทษไปยังทีมงานภุมิใจไทยที่อาจจะไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"ผมในฐานะโปรโมเตอร์ผู้จัด ยอมรับแบบลูกผู้ชายครับผิดก็คือผิด เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็ต้องขอโทษแฟนมวยทุกคนและทีมงานของภูมิใจไทยด้วย เพราะว่าเป็นวันแรกหลังจากที่มีการระบาดของโควิด-19 ซึ่งผมสัญญานะครับในฐานะโปรโมเตอร์ ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งภูมิใจไทยหรือว่านักมวยคนอื่นๆ ในสังกัด และสุดท้ายก็ต้องขอโทษอีกครั้งครับ แต่เหตุการณ์นี้เราผิดแบบสุจริตจริงและจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ผมขอน้อมรับคำติชมคำว่ากล่าวตักเตือนต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้เราเอาข้อผิดพลาดไปแก้ไขเพื่อให้ทุกอย่างเกิดการพัฒนาให้สมบูรณ์แบบที่สุดครับต่อไปครับ ขอบคุณครับ"